ความผิดปกติของใบหูในเรื่องของรูปทรงนั้นบางคนมักเข้าใจผิดคิดว่าเป็นการถ่ายทอดทางพันธุกรรม ซึ่งในความเป็นจริงแล้วการที่เกิดมาแล้วมีใบหูที่กางและใหญ่นั้นไม่ได้เป็นการถ่ายทอดทางพันธุกรรมแต่อย่างใด ซึ่งบางคนเชื่อว่าหากพ่อหรือแม่หูกาง ลูกก็จะออกมาหูกางด้วย เรื่องของใบหูนั้นเป็นเรื่องของรูปร่าง ซึ่งจะเกิดเป็นรูปทรงขึ้นได้ตั้งแต่อยู่ในครรภ์ เมื่อเด็กน้อยคลอดออกมามีรูปใบหูที่ผิดปกติแล้วแพทย์หรือพยาบาลสังเกตเห็นความผิดปกติของรูปทรงหูที่กางก็สามารถพาพบแพทย์เฉพาะทางซึ่งควรทำในช่วง 6 เดือนแรกหลังคลอด โดยแพทย์จะทำการดัดใบหูด้วยการทำเฝือกอ่อน เนื่องจากกระดูกเด็กน้อยยังอ่อนอยู่ยังสามารถดัดได้ แต่หากโตขึ้นคงต้องพึ่งการทำศัลยกรรมแก้หูกาง pantipที่จะต้องศึกษาให้ละเอียดและควรเลือกสถานบริการพยาบาลที่ได้มาตรฐานและมีแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะทางคอยให้บริการ
ลักษณะหูกางผิดรูป เป็นยังไง ?
หูของคนเราปกติแล้วใบหูจะแนบไปทางด้านหลังซึ่งจะชิดทำมุมกันประมาณ 25 – 30 องศา โดยที่ขอบของใบหูจะพับไปด้านหลังเล็กน้อย และห่างจากผิวหนังศีรษะประมาณ 1 เซนติเมตร หากเป็นหูกางก็จะออกมาในลักษณะของใบหูที่ไม่แนบไปทางด้านหลังและห่างจากหนังศีรษะประมาณ 2 เซนติเมตร โดยจะมองเห็นได้ชัดเลยว่าหูกาง ซึ่งมีสาเหตุมาจากกระดูกอ่อนของใบหูไม่พับตามปกติ หากเป็นคนที่มีใบหูขนาดใหญ่มักจะไม่รู้สึกว่ามีความผิดปกติซึ่งไม่ต้องทำการผ่าตัดแก้ไข แต่ก็จะมีผู้ที่มีปัญหาใบหูขนาดใหญ่และต้องการแก้ไขแบบจริงจัง มักมีใบหูที่มีขนาดใหญ่กว่าปกติมาก ๆ หรือทั้งใหญ่และกางออกด้านข้าง
ในส่วนของรูปทรงใบหูที่สวยงามนั้นจะมีลักษณะที่ขอบหูจะต้องเป็นวงสวยและห่างจากหนังศีรษะ ในส่วนกลางก็ไม่เกิน 2 เซนติเมตร ส่วนบนก็ไม่เกิน 1 เซนติเมตร แล้วที่สำคัญคือ มองจากด้านหน้าเข้าไปเราจะต้องเห็นสันหูก่อน และเห็นขอบหูในลำดับถัดไป
แก้ไขหูกางด้วยการผ่าตัดได้หรือ ?
ก่อนที่จะเข้ารับบริการแก้หูกาง pantipนั้นผู้เข้ารับบริการจะต้องเข้ารับคำแนะนำจากแพทย์ เพื่อที่จะให้แพทย์ได้ทำการวิเคราะห์เพื่อเป็นส่วนประกอบในการตัดสินใจ ซึ่งแพทย์จะต้องทำการพูดคุยกับผู้เข้ารับบริการที่จะต้องเข้ารับการแก้ไขปัญหาหูกาง โดยแพทย์จะต้องแนะนำแนวทางในการรักษาให้ผู้เข้ารับบริการทราบอย่างชัดเจน โดยที่แพทย์จะต้องทำการวิเคราะห์ลักษณะขอบกลางของใบหูว่ามีลักษณะแบนและมุมกางเกินไป หรือใบหูมีขนาดใหญ่หรือเล็กเกินไป โดยผู้ที่ประสบปัญหา อาจเกิดจากส่วนใดส่วนหนึ่ง หรือทั้ง 2 ลักษณะ ดังนั้น วิธีการผ่าตัดจะเป็นดังนี้
แพทย์จะเข้าไปทำการเลาะกระดูกอ่อนแล้วเย็บให้พลิกพับกลับไปด้านหลัง โดยทำการผ่าตัดตรงบริเวณด้านหลัง ในบางรายที่ผิวหนังมีความหย่อนคล้อยมากแพทย์จะทำการตัดออกและเย็บให้ตึง ซึ่งการทำในลักษณะนี้จะส่งผลให้ใบหูพลิกกลับไปด้านหลัง ซึ่งการแก้ไขหูกางนี้แพทย์จะพิจารณาการแก้ไขในแต่ละรายที่แตกต่างกัน ในกรณีที่ผู้เข้ารับบริการบางรายต้องแก้ไขการจัดรูปร่างกระดูกอ่อนใบหูใหม่เนื่องจากอาจมีการขาดหายของกระดูกอ่อน อาจต้องใช้กระดูกอ่อนจากส่วนอื่นมาเสริมเพิ่มขึ้นแทนส่วนที่ขาดหายไป
ก่อนเข้ารับบริการแก้หูกาง pantipนั้นผู้เข้ารับบริการไม่ต้องเตรียมตัวเตรียมตัวอะไรมาก เนื่องจากเป็นการผ่าตัดเล็กจึงไม่จำเป็นที่จะต้องนอนพักที่โรงพยาบาล ไม่ต้องอดน้ำอดอาหาร และก่อนเข้ารับบริการผู้เข้ารับบริการจะต้องสระผมมาก่อนทั้งนี้ก็เพื่อความสะอาด ในการผ่าตัดนี้อาจใช้การดมยาหรือการให้ยาชาโดยจะขึ้นอยู่กับลักษณะของผู้เข้ารับบริการ และระยะเวลาในการผ่าตัดนั้นจะใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงต่อข้าง ซึ่งบางรายอาจจะต้องทำการแก้ไขใบหูทั้งสองข้าง หรือบางรายอาจทำเพียงข้างเดียว
หลังเข้ารับบริการแก้ไขหูกางนั้นแพทย์จะต้องแนะนำผู้เข้ารับบริการให้มีความเข้าใจว่าโดยธรรมชาติแล้วใบหูของคนเรานั้นทั้ง 2 ข้างจะไม่เท่ากันอยู่แล้ว เมื่อทำการแก้ไขใบหูออกมาแล้วความสมส่วนของใบหูแต่ละข้างอาจไม่เท่ากันแบบพอดีทั้งหมด โดยอาการหลังจากที่ได้รับการผ่าตัดแล้วลักษณะของหูซ้ายและหูขวานั้นอาจจะไม่เหมือนกัน ดังนั้นการผ่าตัดหูทั้ง 2 ข้าง จึงอาจทำในวิธีที่แตกต่างกัน เมื่อแก้ไขแล้วความสมส่วนของหูแต่ละข้างอาจไม่เท่ากันแบบพอดีทั้งหมด ซึ่งถ้าไม่สังเกตก็จะไม่เห็น นอกจากนี้สิ่งที่อาจเกิดขึ้นได้หลังกการผ่าตัดแก้ไขคือ อาจมีเลือดคั่งใต้แผลใบหูกางไม่เท่ากัน หรือการดีดตัวกลับของกระดูกอ่อน หลังการผ่าตัดแพทย์จะทำการปิดแผลไว้และจะนัดให้มาทำการเปิดแผลหลังจากที่ทำการผ่าตัดไปแล้ว 5 – 6 วัน เพื่อทำการตัดไหม ผู้เข้ารับบริการสามารถใช้ชีวิตตามปกติและสามารถสระผมได้หลังจากตัดไหมไปแล้ว 3 – 4 วัน
แก้หูกาง pantipการแก้ไขหูกางนั้นทำได้โดยการปรับแต่งเย็บกระดูกอ่อนของใบหู โดยแพทย์จะทำการตัดกระดูกอ่อนบางส่วนของหูที่เป็นปัญหาเพื่อให้ได้รูปร่างที่ต้องการ โดยแพทย์จะพิจารณาความผิดปกติของใบหูของผู้เข้ารับบริการแต่ละราย ดังนั้นก่อนเข้ารับการรักษาผู้เข้ารับบริการจะต้องศึกษารายละเอียดและเลือกสถานบริการพยาบาลที่ได้มาตรฐานและต้องมีแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญคอยให้บริการและให้คำแนะนำ
