หน้าเรียวฉีดอะไรดี อยู่ได้นานแค่ไหน แต่ละแบบมีข้อแตกต่างอย่างไร

กรอบหน้าใหญ่ กรามชัด กรามใหญ่ ปัจจัยหลัก  ๆ  ที่ทำให้หน้าสาว  ๆ  ดูแข็งทื่อ คงเป็นปัญหาที่หลายคนคงจะไม่ค่อยปลื้มนัก แต่รู้ไหมคะว่าวิธีแก้ไม่ได้มีแค่การผ่าตัดกรามเท่านั้นแล้วนะ แต่มีวิธีอื่นที่ดีกว่าการผ่าตัดไม่เจ็บตัว ไม่ต้องพักฟื้น อยากหน้าเรียวฉีดอะไรดี เป็นคำถามที่ถูกถามมาบ่อยมาก และคำตอบที่คุณจะได้ก็คือการฉีดโบท็อกซ์นั่นเอง การฉีดโบท็อกซ์เป็นอีกหนึ่งทางเลือกของสาว  ๆ  หนุ่ม  ๆ  เพื่อสร้างหน้าเรียวได้ในเวลาไม่กี่สัปดาห์ แต่ก่อนจะไปฉีดโบหน้าเรียว เรามีเกร็ดความรู้เล็ก  ๆ  น้อย  ๆ  มาฝากคุณก่อนที่คุณจะไปฉีดโบท็อกซ์ว่าคุณจะต้องเตรียมตัวอย่างไร พร้อมแล้วไปดูกันเลยค่ะ

1.ฉีดโบหน้าเรียวช่วยอะไรได้ ?

ช่วยปรับรูปหน้า โดยกลไกการออกฤทธิ์การฉีดโบหน้าเรียวคือจะมีผลให้กล้ามเนื้อเล็กลง เพราะกล้ามเนื้อปกติถ้าไม่ได้ขยับเขยื้อนจะค่อย ๆ มีขนาดเล็กลงตามธรรมชาติ โดยฉีดตรงแนวขากรรไกร แก้ม เพื่อให้บริเวณใบหน้าเล็กและก็เรียวขึ้น

2.ฉีดโบท็อกซ์ กี่วันถึงจะได้ผล ?

  • โบท็อกซ์ ลดริ้วรอย จะได้ผลลัพธ์ที่ 2 อาทิตย์ โดยหลังฉีดไป 3 วันจะเริ่มรู้สึกตึงบริเวณที่ฉีด
  • โบท็อกซ์ ลดกราม ลดน่อง จะได้ผลลัพธ์ที่ 1 เดือน โดยจะเริ่มเห็นการเปลี่ยนแปลงในอาทิตย์ที่ 2 ขึ้นอยู่กับกล้ามเนื้อของแต่ละบุคคล
  • โบท็อกซ์รักแร้ ลดกลิ่นกาย จะได้ผลลัพธ์ที่ 1 เดือน

บทความแนะนำ เนื้อใต้รักแร้ จากเว็บไซต์ Rattinan.com

3.ฉีดโบท็อกซ์ อยู่ได้นานขนาดไหน ?

  • ผลลัพธ์ของการฉีดโบท็อกซ์จะไม่ได้อยู่อย่างถาวร ซึ่งปกติแล้วโบท็อกซ์จะอยู่ได้นาน 4-8 เดือน โดยอายุการออกฤทธิ์ของโบท็อกซ์นั้น ขึ้นอยู่กับ 2 ปัจจัยสำคัญ ดังต่อไปนี้
  • ยี่ห้อของโบท็อกซ์ที่ฉีด ถ้าเลือกโบท็อกซ์ที่มีความบริสุทธิ์สูง จะอยู่ภายในร่างกายได้ยาวนานกว่า เนื่องจากร่างกายจะทำลายโปรตีนที่จับกับโบท็อกซ์ โดยโบท็อกซ์ที่มีโปรตีนมากกว่าจะถูกทำลายได้ง่ายกว่าโบท็อกซ์ที่มีโปรตีนสูง
  • ตำแหน่งที่ฉีด กล้ามเนื้อมัดใหญ่ ตัวอย่างเช่น แขน ไหล น่อง จะมีจำนวนเส้นใยกล้ามเนื้อมาก ด้วยเหตุนี้กล้ามเนื้อก็เลยกลับมาใช้งานได้เร็ว ระยะเวลาที่โบท็อกซ์ออกฤทธิ์ก็เลยสั้นกว่า กล้ามเนื้อมัดเล็ก อาทิเช่น กราม หน้าผาก หางตา ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับจำนวนโบท็อกซ์ที่ใช้ ซึ่งจะต้องอยู่ในการประเมินโดยหมอที่มีประสบการณ์
  • หลายคนจะมีความรู้สึกหนักใจว่าเมื่อโบท็อกซ์หมดฤทธิ์จะทำให้กล้ามเนื้อกลับมาใหญ่กว่าเดิมหรือไม่ ซึ่งไม่เป็นความจริง เพราะว่าโบท็อกซ์ทำให้กล้ามเนื้อมัดที่ฉีดไปทำงานลดลง ขนาดกล้ามเนื้อก็เลยเล็กลง เมื่อหมดฤทธิ์กล้ามเนื้อก็จะกลับมาทำงานเพิ่มขึ้น ขนาดกล้ามเนื้อจะค่อย ๆ มากขึ้น ซึ่งขึ้นอยู่กับการใช้งาน ถ้าหากใช้งานมากก็มีโอกาสสูงที่มัดกล้ามเนื้อจะมีขนาดกลับมาเหมือนเดิม

4.โบท็อกซ์ แต่ละยี่ห้อต่างกันอย่างไร ?

ปัจจุบันโบท็อกซ์มีอยู่ด้วยกันหลายยี่ห้อ ซึ่งจะมีความต่างกันทั้งบริษัทที่ผลิต ประเทศที่ผลิต ตัวอย่างเช่น ประเทศเกาหลี ประเทศเยอรมัน อังกฤษ เป็นต้น รวมไปถึงความบริสุทธิ์ของตัวยาที่จะมีผลต่อประสิทธิภาพของยาและช่วงเวลาสำหรับการออกฤทธิ์อีกด้วย

5.เตรียมตัวก่อนฉีดโบหน้าเรียวอย่างไร ?

  • ควรจะหยุดการใช้ยาแก้ปวด ยาแอสไพริน ยากลุ่มต่อต้านการอักเสบ NSAIDS ตัวอย่างเช่น Ibruprofen, Naproxen อย่างน้อย 2 อาทิตย์ก่อนที่จะมีการฉีด เพื่อป้องกันการอาการฟกช้ำดำเขียว
  • งดวิตามินที่ทำให้เลือดหยุดไหลยาก ยกตัวอย่างเช่น วิตามินอี น้ำมันปลา น้ำมันอิฟนิ่งพริมโรส สารสกัดจากโสม ขิง กระเทียม ใบแปะก๊วย เป็นเวลา 2 อาทิตย์
  • งดดื่มเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมที่เป็นแอลกอฮอล์ 1 วันก่อนจะมีการฉีดโบหน้าเรียว
  • สุขภาพร่างกายอยู่ในสภาพปกติดี ไม่มีโรคประจำตัวรุนแรง อาทิเช่น โรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง และไม่ได้อยู่ในภาวะตั้งครรภ์หรือให้นมลูกอยู่

6.การดูแลตนเองหลังฉีดโบหน้าเรียว

  • หลังฉีดโบหน้าเรียวควรจะงดนอนราบเป็นเวลาประมาณ 4 ชั่วโมง เพื่อป้องกันการไหลของโบท็อกซ์
  • งดการนวดจับเส้นบริเวณที่ฉีดโบหน้าเรียว เป็นเวลา 1 เดือน
  • เลี่ยงไม่ให้บริเวณที่ฉีดโบหน้าเรียวโดนความร้อนเป็นเวลา 1-2 อาทิตย์
  • เลี่ยงกิจกรรมที่ทำให้บริเวณใบหน้าเกิดอาการ fushing อาทิเช่น ดื่มเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมที่เป็นแอลกอฮอล์, บริหารร่างกายอย่างหนัก, อบซาวน่า, แช่น้ำอุ่น เนื่องจากความร้อนจะสลายตัวยาให้หมดสภาพเร็วขึ้น
  • หลังฉีดโบหน้าเรียว หรือหลังการฉีดโบท็อกซ์บริเวณกราม ให้เคี้ยวหมากฝรั่ง 2 ข้างเท่า ๆ กัน โดยการสลับซ้ายขวา เป็นเวลา 30 นาที – 1 ชั่วโมง เพื่อให้ตัวยากระจายเข้ากล้ามเนื้อบริเวณที่ฉีดได้ดีเพิ่มขึ้น
  • งดการทำทรีทเม้นท์ด้วยเครื่อง RF หรือเลเซอร์ 2 อาทิตย์ แต่สามารถทาครีมได้ตามปกติ

หน้าเรียวฉีดอะไรดี ถึงจะหายหน้าบาน

อันตรายและผลกระทบจากการฉีดโบท็อกซ์

ซึ่งปกติทั่ว ๆ ไปแล้วโบท็อกซ์ของแท้ ผ่านอย. จะไม่ทิ้งสารตกค้างให้แก่ร่างกายของเรา แต่ว่าการฉีดโบท็อกซ์นั้นก็มีความเสี่ยงต่าง ๆ ที่จะตามมา จะเป็นผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นได้หลังจากการฉีดโบท็อกซ์ ดังต่อไปนี้

  • ติดเชื้อ มีสาเหตุมาจากการเลือกสถานพยาบาลที่ไม่สะอาด ไม่ได้มาตรฐาน เครื่องมือที่ใช้ในการฉีดไม่สะอาด รวมถึงเกิดจากแพทย์ที่ฉีดไม่ใช่แพทย์จริง ๆ ที่เคยได้ยินว่า หมอกระเป๋า นั่นเอง เนื่องจากว่าคนที่ไม่ใช่เจ้าหน้าที่ทางด้านการแพทย์จะไม่รู้จัก Sterile technique (วิธีการทำให้ปราศจากเชื้อโรค) ซึ่งเป็นแนวทางที่สำคัญสำหรับการปกป้องการติดเชื้อจากการทำหัตถการทุกชนิด
  • ตาตก จะพบได้ในการฉีดโบท็อกซ์ริ้วรอยระหว่างคิ้ว ซึ่งเป็นตำแหน่งที่ใกล้เปลือกตาด้านบน ทำให้กล้ามเนื้อบริเวณหนังตาอ่อนแรงและตกลงมาได้ ถ้าเกิดฉีดผิดวิธีและใช้เทคนิคที่ไม่ปลอดภัย
  • มุมปากเบี้ยว ยิ้มไม่สุด จะพบได้จากการฉีดโบท็อกซ์บริเวณกราม ซึ่งเกิดจากการกระจายตัวไปผิดจุดของโบท็อกซ์ จะเกิดได้ทั้งการยิ้มไม่ขึ้น แสดงสีหน้าได้ไม่ปกติ หรือเรียกกันว่า หน้าแข็ง นั่นเอง
  • โดยสาเหตุหลักการเกิดผลข้างเคียงจากการฉีดโบท็อกซ์ดังกล่าวมานี้ เกิดได้ด้วยกันหลายปัจจัยด้วยกัน ดังต่อไปนี้
  • ความไม่ชำนาญของหมอ ถ้าหากไม่ใช่หมอจริง ๆ หรือเป็นหมอกระเป๋า บางทีอาจเกิดข้อผิดพลาดในตำแหน่งที่ฉีดมีความคลาดเคลื่อนขึ้นได้
  • คุณภาพของโบท็อกซ์ ถ้าเป็นโบท็อกซ์ของแท้ ผ่านอย. ไม่ใช่ยาหิ้ว หรือยาที่ไม่ได้มาตรฐาน จะมีผลให้เกิดความเสี่ยงที่จะเป็นผลข้างเคียงน้อยกว่าโบท็อกซ์ของปลอม
  • ปริมาณในการฉีด หรือเรียกว่ายูนิต ซึ่งการฉีดในจำนวนที่มากเกินความจำเป็นจะมีผลให้เกิดอาการแข็งตึง จนไม่สามารถที่จะแสดงสีหน้าความรู้สึกได้ เช่น ยิ้มไม่สุด ไม่สามารถยกปากบนได้ ไม่สามารถยกคิ้วได้
  • การไหลของโบท็อกซ์ เกิดได้จากการดูแลตนเองหลังฉีดโบท็อกซ์ของคนไข้ ดังเช่นว่า การนอนราบหลังฉีดโบท็อกซ์ทันที ก็จะก่อให้ตัวยากระจายไปในส่วนที่เราไม่ต้องการ จนเป็นผลข้างเคียงต่าง ๆ ตามมานั่นเอง ยิ่งไปกว่านี้ความบริสุทธิ์ของโบท็อกซ์ ก็จะนำไปสู่การไหลของตัวยาได้เช่นเดียวกัน ยิ่งตัวยาที่มีความบริสุทธิ์มาก ความเสี่ยงสำหรับในการไหลก็จะลดน้อยลงด้วย

การฉีดโบท็อกซ์ให้ทั้งคุณและโทษก่อนที่จะมีการฉีดก็จะต้องเลือกสถานพยาบาลที่น่าไว้วางใจ มีหมอผู้ที่มีความเชี่ยวชาญจะเหมาะสมที่สุด หน้าเรียวฉีดอะไรดี การฉีดโบท็อกซ์เป็นวิธีที่ดีที่สุด ไม่มีแผลเป็น ไม่ต้องพักฟื้นอีกด้วย