รูปหน้าที่เรียวงามเป็นสิ่งที่สาว ๆ ทุกคนปรารถนา แต่จะมีวิธีไหนล่ะที่จะทำให้ผู้ที่มีหน้ากลม เหลี่ยม กลับมามีรูปหน้าที่เรียวงามได้ ซึ่งปัจจุบันนี้การทำศัลยกรรมให้หน้าเรียวมีมากมายหลายวิธี และหนึ่งในนั้น คือ การร้อยไหมหน้าเรียว ซึ่งจะเหมาะกับใคร ควรทำที่ไหน และมีวิธีในการทำอย่างไร เรามาดูกันค่ะ
การร้อยไหม คือ เทคนิคที่นำมาใช้ช่วยยกกระชับ ฟื้นฟูสภาพผิว ลดเลือนริ้วรอยและปรับรูปหน้าให้ดูเรียวด้วยไหมละลาย โดยไม่ต้องผ่าตัด ซึ่งมีต้นกำเนิดมาจากประเทศเกาหลี หลักการของเทคนิคนี้ คือ การใช้ไหมเส้นเล็กจำนวนมากมาร้อยเป็นเครือข่าย
บริเวณใต้ผิวหนังที่ร้อยไหมเข้าไปจะถูกกระตุ้นให้เกิดการอักเสบ ทำให้เกิดการสร้างเส้นเลือดใหม่ มีผลทำให้เกิดการกระตุ้นเซลล์ที่มีหน้าที่สร้างเส้นใยคอลลาเจน ให้สร้างคอลลาเจนใหม่มาพันรอบแนวเส้นไหม มีผลให้เกิดการดึงรั้งผิวหน้า ทำให้ผิวหน้าเต่งตึงและกระชับ
การร้อยไหมเหมาะกับใคร
การร้อยไหม เหมาะกับผู้ที่อายุ 25 ปีขึ้นไป เนื่องจากผิวหน้าเริ่มหย่อนคล้อยไม่เต่งตึง ซึ่งเกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่น การเสื่อมสภาพของคอลลาเจนใต้ผิวหนัง ทำให้ผิวหลวม หรือผิวที่ไม่ได้รับการบำรุงใบหน้าดีเท่าที่ควร อาจทำให้หน้าไม่กระชับเท่าที่ควร ซึ่งการร้อยไหมเหมาะกับผู้ที่มีปัญหาดังนี้
- แก้มพอง มีกระเปาะแก้ม
- ผิวหน้าหย่อนคล้อย
- กรอบหน้าไม่ชัดเจน
ร้อยไหมช่วยเรื่องอะไร
การร้อยไหมนอกจากจะเป็นการย้อนอายุให้ใบหน้าตึงสวย ดูเด็กลงแล้วยังมีประโยชน์อื่น ๆ อีก ดังนี้
- การร้อยไหมจะช่วยยกให้ร่องแก้มตื้นขึ้นและไม่หย่อนคล้อย
- การร้อยไหมจะช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใต้ผิว ช่วยให้ผิวแน่นและเต่งตึง เพราะการที่เส้นไหมถูกเกี่ยวขึ้นที่ชั้นใต้ผิวหนัง ทำให้เกิดการสร้างคอลลาเจนเพิ่มขึ้น
- การร้อยไหมยกกระชับ ช่วยให้หน้าเรียวตึง มีกรอบหน้าที่ชัดเจนขึ้น แก้มไม่หย่อนคล้อย เนื่องจากการร้อยไหมคือการนำเส้นไหมเข้าไปใต้ผิวหนังและให้ไหมเกี่ยวเนื้อเยื่อและยกใบหน้าให้ตึงขึ้นมา
- ร้อยไหมจมูกให้โด่งสวยและทำให้ปีกจมูกมีขนาดเล็กลง เช่น คนที่ปลายจมูกไม่ได้รูป หรือต้องการปลายจมูกหยดน้ำก็สามารถร้อยไหมจมูกได้
การร้อยไหมสามารถแบ่งประเภทของเส้นไหมที่เป็นที่นิยมใช้อย่างแพร่หลายจะมีด้วยกันอยู่ 2 แบบ คือ ไหมก้าง และ ไหมเรียบ ซึ่งทั้งสองแบบมีความแตกต่างกัน ดังนี้
- ไหมก้าง
ร้อยไหมก้าง หรือไหมเงี่ยง จะมีลักษณะเส้นที่ค่อนข้างใหญ่ เส้นไหมจะเป็นเงี่ยง จะมีทั้งรุ่นเงี่ยง 1 ทิศทางและ 2 ทิศทาง เพื่อช่วยในการล็อคเนื้อเยื่อใต้ผิวหนังและเป็นแกนหลักในการพยุงและดึงแก้มขึ้นอีกด้วย
- ข้อดีของไหมก้างจะเห็นผลชัดเจนในเวลา 1 เดือนหลังร้อยไหม และจะช่วยยกดึงใบหน้าได้ดี ทำให้กรอบหน้าชัดตึงยิ่งขึ้น
- ข้อเสียของไหมก้างเนื่องจากไหมเส้นใหญ่กว่า หลังร้อยไหมจึงมีโอกาสคลำเจอเส้นไหมบริเวณที่ร้อยได้ในช่วงแรกๆ ซึ่งอาการนี้จะค่อย ๆ หายไปหลังจากไหมเริ่มละลาย และเกิดการสร้างคอลลาเจนขึ้นทดแทน
- ไหมเรียบ
ร้อยไหมเรียบ หรือไหม PDO จะมีลักษณะเป็นเส้นไหมสั้นๆ ความยาวไม่เกิน 10 เซนติเมตร ตัวเส้นไหมจะเรียบ ไม่มีเงี่ยงแยกออกมา
- ข้อดีของไหมเรียบไหมเรียบช่วยทำให้ผิวแน่น เฟิร์ม ย้อนวัยให้กลับไปเด็กขึ้นอีกครั้ง ลดริ้วรอยเล็ก ๆ ที่เกิดจากคอลลาเจนเสื่อมสภาพได้ ซึ่งผลลัพธ์ที่ได้จะเริ่มเห็นตั้งแต่หลังร้อยไหมทันที และจะยิ่งมากขึ้นหลังไหมละลายหมด
- ข้อเสียของไหมเรียบฤทธิ์ในการยกดึงใบหน้าค่อนข้างน้อย
ขั้นตอนการร้อยไหม
- แพทย์ทำการประเมินรูปหน้า เพื่อระบุจำนวนเส้นไหมที่จะร้อย เพื่อแก้ปัญหาใบหน้าหย่อนคล้อย
- ล้างทำความสะอาดใบหน้า
- แพทย์จะทำการทายาชาและฉีดยาชาอย่างเบามือ
- แพทย์ทำการร้อยไหมตรงบริเวณที่กำหนดไว้
เตรียมตัวให้พร้อมก่อนร้อยไหม
- ก่อนทำการร้อยไหม 2 สัปดาห์ ท่านควรงดยา อาหารเสริม และวิตามินที่มีผลต่อการทำงานของเกล็ดเลือดและการแข็งตัวของเลือด อย่างเช่น ยาแอสไพริน อาหารเสริมจำพวกวิตามินอี ฯลฯ
- ผู้ที่ร้อยไหมจะต้องไม่เป็นแผลคีลอยด์ ไม่แพ้ยาชา และไม่เป็นโรคเกี่ยวกับการแข็งตัวของเลือดรุนแรง
- ก่อนเข้ารับการร้อยไหม 24 ชั่วโมงท่านควรงดดื่มแอลกอฮอล์
ดูแลตัวเองหลังร้อยไหม
- ควรงดการสัมผัสใบหน้าแรง ๆ เช่น การล้างหรือถูหน้าแรง ๆ สามารถใช้สำลีชุบน้ำเช็ดเบา ๆ ได้
- งดการทำทรีทเม้นท์ เลเซอร์ นวดหน้า ขัดผิว อาจทำให้แผลอักเสบจากการโดนความร้อนได้
- แผลไม่ควรโดนน้ำเป็นเวลา 3 วัน ซึ่งแผลหลังร้อยไหมจะเป็นเพียงรูเปิดเข็มบริเวณไรเส้นผมเล็ก ๆ ข้างละ 1 – 2 จุดเท่านั้น โดยแผลจะจางหายไปเองภายใน 1 – 3 วัน
- รับประทานยาแก้อักเสบ ยาฆ่าเชื้อตามที่แพทย์แนะนำ
- หลังทำการร้อยไหม 1 สัปดาห์ควรงดดื่มแอลกอฮอล์ เพื่อลดการบวมช้ำอักเสบ
- งดกิจกรรมที่ต้องอ้าปากกว้าง ๆ 2 สัปดาห์ เช่น หัวเราะแรง ๆ กัดแฮมเบอร์เกอร์ เพื่อให้ไหมได้ล็อคตัวกับเนื้อเยื่ออย่างเต็มที่
- ประคบเย็นเพื่อลดอาการบวม ๆ ทุก ๆ 4 ชั่วโมง 1 – 2 วัน
ข้อควรระวังจากการร้อยไหม
- หลีกเลี่ยงการร้อยไหมที่มีส่วนประกอบของโลหะหนัก เช่น เงิน, ทองคำ ซึ่งไหมเหล่านี้จะไม่สามารถละลายได้หมด
- หลังทำอาจมีอาการระบมใบหน้าเล็กน้อย ซึ่งเป็นเรื่องปกติและจะหายได้เองภายใน 1 – 2 สัปดาห์
- ผู้ที่ร้อยไหมจะต้องไม่เป็นแผลคีลอยด์บริเวณใบหน้า เพราะการร้อยไหมสามารถกระตุ้นให้เกิดคีลอยด์ได้
- อาการปวด บวม แดงมากกว่าปกติ อาจเกิดจากการติดเชื้ออักเสบ เกิดจากความไม่สะอาดของอุปกรณ์และการดูแลตัวเองหลังทำที่ไม่ดีพอของคนไข้ ควรกลับไปพบแพทย์หากมีอาการดังกล่าวเกิดขึ้น
- อาจเกิดภาวะแทรกซ้อนที่ใบหน้ายับ ผิวเป็นคลื่นได้ ซึ่งเกิดจากเทคนิคการร้อยของแพทย์
บทสรุป
ร้อยไหมหน้าเรียว เป็นศัลยกรรมที่สาว ๆ ที่มีใบหน้ากลม เหลี่ยม ไม่กระชับนิยมทำกัน เพื่อดึงให้ใบหน้ามีรูปที่เรียวสวย ก่อนเข้ารับบริการท่านควรทำการศึกษาข้อมูลของเส้นไหมที่จะทำการร้อยให้ละเอียด รวมไปถึงสถานบริการ และแพทย์ที่จะให้บริการซึ่งจะต้องมีความชำนาญ เพื่อไม่ให้เกิดภาวะแทรกซ้อนหลังทำ