ฉีดโบท็อกซ์หน้าเรียว มีผลข้างเคียงหรือไม่ อยู่ได้นานแค่ไหน

หากคุณเป็นคนหนึ่งที่อยากมีใบหน้าเรียวสวยได้รูปดูเป็นวีเชฟ ก็สามารถเข้ารับการฉีดโบท็อกซ์หน้าเรียวได้

โบท็อกซ์ (Botox) เป็นนวัตกรรมที่นิยมใช้สำหรับลดริ้วรอย ยกกระชับใบหน้าและลำคอ รวมถึงลดขนาดของกล้ามเนื้อบริเวณต่าง ๆ เช่น น่องและกราม การฉีดโบท็อกซ์เป็นวิธีเสริมความงามที่มาแรงและได้รับความนิยมอย่างรวดเร็วและกว้างขวาง อาจจะเพราะเป็นวิธีที่ช่วยตอบโจทย์ผู้ที่รักความสวยรักงามแบบทันใจเพราะเห็นผลภายใน 3-7 วัน

Botox คืออะไร?

การฉีดโบท็อกซ์หรือ Botulinum toxin A เป็นโปรตีนที่สกัดได้จากการสร้างของแบคทีเรีย “คลอสตริเดียม โบทูลินั่ม” (Clostridium botulinum) ซึ่งเชื้อโรคนี้หากได้รับมากเกินไปจะทำให้อาหารเป็นพิษหรือเกิดอาการกล้ามเนื้ออ่อนแรง แต่ถ้าได้รับในปริมาณน้อย ๆ อย่างพอเหมาะ จะช่วยให้กล้ามเนื้อคลายตัวอันเป็นผลดีกับวงการแพทย์ ซึ่งเริ่มแรกได้นำสารนี้มาใช้ในการรักษาโรคตาเหล่ ตาเข และพัฒนาต่อมาใช้ในวงการเสริมความงาม ช่วยให้ริ้วรอยต่าง ๆ ลดลงและทำให้ผิวหน้าดูเด็ก กระชับขึ้น ลดขนาดกรามให้ใบหน้าดูเรียวเล็กขึ้น

  • การฉีดโบท็อกซ์ลดกราม หน้าเรียว จะเห็นผลลัพธ์ที่ 1 เดือน โดยจะเริ่มเห็นความเปลี่ยนแปลงในสัปดาห์ที่ 2 ขึ้นอยู่กับกล้ามเนื้อของแต่ละบุคคล

การฉีดโบท็อกซ์มีผลข้างเคียงหรือไม่

การฉีกโบท็อกซ์มีความปลอดภัยสูงมาก แทบจะไม่มีผลข้างเคียงใด ๆ เลย และส่วนใหญ่ ผลข้างเคียงที่อาจพบได้ก็

  • อาการช้ำตามรอยเข็มฉีดเพียงเล็กน้อยซึ่งจะหายไปได้ภายในประมาณ 3-5 วัน
  • บางท่านจะรู้สึกว่าในช่วง 1 สัปดาห์แรกหลังฉีด จะไม่ค่อยมีแรงในการเคี้ยวอาหารซึ่งเป็นผลจากการทำงานของโบท็อกซ์และเป็นเพียงชั่วคราว ส่วนใหญ่อาการนี้จะหายภายใน 1 อาทิตย์
  • หลังฉีดไปแล้วมีอาการยิ้ม 2 ข้างไม่เท่ากันซึ่งเกิดจากตัวยาอาจมีการออกฤทธิ์ที่กล้ามเนื้อที่ใช้ในการยิ้มด้วย ซึ่งตรงนี้เราจึงควรฉีดกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและมีประสบการณ์ก็จะมีเทคนิคในการป้องกันอาการนี้ได้

ฉีดโบท็อกซ์หน้าเรียว ดีไหม

ฉีดโบท็อกซ์ อยู่ได้นานแค่ไหน ?

ผลลัพธ์ของการฉีดโบท็อกซ์จะไม่ได้อยู่อย่างถาวร ซึ่งปกติแล้วโบท็อกซ์จะอยู่ได้นาน 4-8 เดือน โดยอายุการออกฤทธิ์ของโบท็อกซ์นั้น ขึ้นอยู่กับ 2 ปัจจัยหลัก ดังนี้

  • ยี่ห้อของโบท็อกซ์ที่ฉีด หากเลือกโบท็อกซ์ที่มีความบริสุทธิ์สูง จะอยู่ในร่างกายได้นานกว่า เพราะร่างกายจะทำลายโปรตีนที่จับกับโบท็อกซ์โดยโบท็อกซ์ที่มีโปรตีนมากกว่าจะถูกทำลายได้ง่ายกว่าโบท็อกซ์ที่มีโปรตีนสูง
  • ตำแหน่งที่ฉีด กล้ามเนื้อมัดใหญ่ เช่น แขน ไหล น่อง จะมีปริมาณเส้นใยกล้ามเนื้อมาก ดังนั้นกล้ามเนื้อจึงกลับมาใช้งานได้เร็ว ระยะเวลาที่โบท็อกซ์ออกฤทธิ์จึงสั้นกว่า กล้ามเนื้อมัดเล็ก เช่น กราม หน้าผาก หางตา

การเตรียมตัวก่อนฉีดโบท็อกซ์

  • หากเป็นไปได้ควรหยุดการใช้ยาแก้ปวดกลุ่ม NSAIDS ได้แก่ ibuprofen naproxen วิตามินอีน้ำมันปลา ใบแปะก๊วย เป็นระยะเวลา 1 สัปดาห์ก่อนฉีด เพื่อลดการเกิดรอยฟกช้ำ
  • ควรงดดื่มแอลกอฮอล์ 24 ชั่วโมงก่อนการรักษา
  • ถ้ามีประวัติของโรคเริมบริเวณริมฝีปากควรแจ้งแพทย์ก่อนรับการรักษา เพราะคุณหมออาจจะพิจารณาให้ยาป้องกันการกำเริบของโรคเริมหลังฉีดได้ในบางท่าน

หลังฉีดโบท็อกซ์ดูแลตัวเองอย่างไร

  • หลังฉีดโบท็อกซ์งดนอนราบ เป็นเวลาประมาณ 4 ชั่วโมง เพื่อป้องกันการไหลของโบท็อกซ์
  • งดการนวดกดจุดบริเวณที่ฉีด เป็นเวลา 1  เดือน
  • หลีกเลี่ยงไม่ให้บริเวณที่ฉีดโดนความร้อนเป็นเวลา 1-2 สัปดาห์
  • หลีกเลี่ยงกิจกรรมที่ทำให้ใบหน้าเกิดอาการ fushing เช่น ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์, ออกกำลังกายอย่างหนัก, อบซาวน่า, แช่น้ำอุ่น เนื่องจากความร้อนจะสลายตัวยาให้หมดสภาพเร็วขึ้น
  • กรณีฉีดโบท็อกซ์บริเวณกราม หลังฉีดให้เคี้ยวหมากฝรั่ง 2 ข้างเท่า ๆกัน โดยการสลับซ้ายขวา เป็นเวลา 30 นาที – 1 ชั่วโมง เพื่อให้ตัวยากระจายเข้ากล้ามเนื้อบริเวณที่ฉีดได้ดียิ่งขึ้น
  • หลังฉีดโบท็อกซ์ได้ประมาณ 4 ชั่วโมง สามารถแต่งหน้าได้ตามปกติ โดยจะมีรอยแดงจากเข็มและรอยนูนจากการฉีด ซึ่งจะหายไปเองภายในเวลา 1-2 ชั่วโมงหลังฉีด
  • งดการทำทรีทเม้นท์ด้วยเครื่อง RF หรือเลเซอร์ 2 สัปดาห์ แต่สามารถทาครีมไม่ตามปกติ

การฉีดโบท็อกซ์เป็นกระบวนการที่ง่าย ไม่ต้องพักฟื้น ไม่ต้องดมยาสลบ และใช้เวลาเพียงไม่กี่นาทีสำหรับการฉีดโบท็อกซ์ เมื่อเปรียบเทียบการฉีดโบท็อกซ์กับการผ่าตัดศัลยกรรมดึงหน้าลดริ้วรอย เช่น facelifts ซึ่งอาจใช้เวลาสามถึงสี่ชั่วโมงในการผ่าตัด และต้องใช้เวลาพักฟื้นอีกหลายสัปดาห์